ข้ามไปที่เนื้อหา

"มนุษย์เราควรมีความริเริ่มสร้างสรรค์และทำสิ่งที่สร้างสรรค์"

J. Willard Marriott

 

 

J. Willard Marriott

John Willard Marriott เกิดที่ Marriott Settlement, ยูทาห์ เมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2443 เป็นลูกคนที่สองในจำนวนแปดคนของ Hyrum Willard Marriott และ Ellen Morris Marriott

ในวัยเด็ก J. Willard หรือ "Bill" ช่วยครอบครัวปลูกหัวบีตและเลี้ยงแกะในไร่เล็กๆ ของครอบครัว เขาเป็นคนหัวไวโดยใช้วิจารณญาณและความคิดริเริ่มของตัวเอง "พ่อของผมมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบให้กับผมในฐานะลูกผู้ชาย" Marriott กล่าวในอีกหลายปีต่อมา "เขาบอกในสิ่งที่ต้องการให้ทำ แต่ไม่เคยบอกวิธีเลย ผมจะต้องหาวิธีทำด้วยตัวเอง"
 

ผู้ประกอบการรุ่นเยาว์

เมื่ออายุ 13 ปี Marriott ได้เริ่มธุรกิจของตัวเองโดยมีพี่น้องที่อายุน้อยกว่ามาช่วยปลูกผักกาดหอมบนพื้นที่รกร้างสองสามเอเคอร์ในฟาร์ม การเก็บเกี่ยวในช่วงปลายฤดูร้อนทำเงินได้ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ จากนั้น Marriott ก็มอบเงินเหล่านั้นให้กับพ่อของเขาทันที ในปีต่อมา Hyrum ได้มอบหมายให้ลูกชายคนโตขายฝูงแกะ 3,000 ตัว ส่งเด็กและขนส่งขนแกะไปยังซานฟรานซิสโกทางรถไฟโดยไม่มีการคุ้มกัน

แม้ว่า Bill จะชื่นชอบการทำงานในพื้นที่โล่งและความยิ่งใหญ่ของเทือกเขาร็อกกี้ แต่เขาก็ยังฝันถึงการใช้ชีวิตที่นอกเหนือไปจากฟาร์มของครอบครัว หากไม่ได้รับการศึกษาแล้ว โอกาสของเขาก็คงถูกจำกัด หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจเป็นเวลาสองปีสำหรับคริสตจักรมอร์มอนในนิวอิงแลนด์ Marriott กลับไปที่ยูทาห์ในปีพ.ศ. 2464 เพื่อศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย โดยสำเร็จการศึกษาแรกจาก Weber Junior College และมหาวิทยาลัยยูทาห์ เงินค่าเล่าเรียนมาจากการทำงานต่างๆ รวมถึงการทำงานพิเศษช่วงฤดูร้อนโดยขายกางเกงชั้นในผ้าวูลให้กับคนตัดไม้ที่ Pacific Northwest
 

   

เปิดตัวธุรกิจของครอบครัว

ขณะที่เรียนจบมหาวิทยาลัย Marriott วางแผนที่จะเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์ในเมืองหลวงของประเทศ Bill ได้เดินทางไปยังวอชิงตัน ดี.ซี. ที่อากาศร้อนอบอ้าว หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจก็ได้ตระหนักถึงตลาดเฉพาะสำหรับ A&W Root Beer เขาซื้อแฟรนไชส์ A&W สำหรับวอชิงตัน ดี.ซี. รวมทั้งบัลติมอร์และริชมอนด์ และมุ่งขยายกิจการไปทางตะวันออกในฤดูใบไม้ผลิปีพ.ศ. 2470 Marriott และหุ้นส่วน Hugh Colton รวบรวมเงิน 6,000 ดอลลาร์สหรัฐเพื่อซื้ออุปกรณ์และเช่าพื้นที่สำหรับการดำเนินธุรกิจขนาดเล็ก ในวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2470 วันที่นักบิน Charles Lindbergh เริ่มบินเดี่ยวข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกครั้งประวัติศาสตร์ ทั้งคู่เปิดแผงขายรูทเบียร์เก้าแห่งที่ 3128 14th Street, NW

หลังเปิดตัวธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้นได้เพียงสามสัปดาห์ Marriott ก็รีบกลับไปที่ยูทาห์เพื่อเข้าร่วมงานกิจกรรมสำคัญซึ่งจะเปลี่ยนชีวิตของเขา นั่นก็คืองานแต่งงานกับ Alice Sheets ในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2470 หนึ่งวันหลังจากที่ Alice จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยยูทาห์ ทั้งคู่ได้แต่งงานกันที่ซอลต์เลกซิตี ทริปฮันนีมูนของทั้งคู่เป็นการขับรถอันยาวนานบนท้องถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อและอากาศร้อนระอุ เพื่อมุ่งสู่วอชิงตัน ดี.ซี. ด้วยรถยนต์ Model T Ford ของ Bill

ในอีก 58 ปีต่อมา J. Willard Marriott แทบไม่ได้พักผ่อนเลย จนกระทั่งเสียชีวิตในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2528 ไม่ว่าจะเป็นการขยายไปยังสถานที่ตั้งเพิ่มขึ้น ปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพ หรือขยายธุรกิจไปสู่องค์กรใหม่ๆ Marriott หายใจเข้าออกและใช้ชีวิตไปกับธุรกิจเพื่อตามล่าหาความฝันของเขา แม้ว่าลูกชายคนโตอย่าง J. Willard "Bill" Marriott, Jr. จะเข้ามารับหน้าที่ส่วนใหญ่หลังจากได้รับการเสนอชื่อให้เป็นซีอีโอของบริษัทในปีพ.ศ. 2515 ผู้ก่อตั้งก็ไม่ได้เกษียณตัวเองไปแต่อย่างไร ในฐานะผู้จัดการที่ลงมือปฏิบัติจริง เขาสนุกกับการเยี่ยมชมสถานที่ตั้งต่างๆ ที่เพิ่มและขยายออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ของแมริออท รวมถึงการใช้เวลากับพนักงานที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในสายตาของเขาคือกุญแจสำคัญในความสำเร็จของบริษัท เขาแนะนำผู้จัดการของแมริออทมาโดยตลอดว่า "คอยดูแลพนักงาน แล้วพวกเขาจะดูแลลูกค้าของคุณ" โดยกล่าวถึงความเชื่อที่ฝังลึกซึ่งยังคงเป็นหลักสำคัญสำหรับวัฒนธรรมของบริษัท
 

   

ทำทุกวันให้เต็มที่



ความห่วงใยต่อเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ ของผู้ก่อตั้งขยายไปถึงโบสถ์ องค์กรการกุศล และทั่วประเทศ นอกจากให้การสนับสนุนและดำรงตำแหน่งผู้นำในคริสตจักรมอร์มอนแล้ว Bill ยังสละทั้งเวลาและเงินเพื่อสนับสนุนกิจกรรมอันเป็นที่รักของเขา โดยเน้นเป็นพิเศษในด้านการศึกษา นอกจากนี้เขายังเป็นคณะกรรมการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสองชุดและจัดงาน "Honor America Day" พิเศษในปีพ.ศ. 2513 ตามคำร้องขอของประธานาธิบดี Richard M. Nixon ในขณะนั้น

ในช่วงก่อนที่เขาจะเสียชีวิตที่บ้านพักตากอากาศในนิวแฮมป์เชียร์เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2528 Willard Marriott ทิ้งท้ายปรัชญาส่วนตัวที่ช่วยผลักดันเขามาตลอดชีวิตว่า "มนุษย์เราควรมีความริเริ่มสร้างสรรค์และทำสิ่งที่สร้างสรรค์ ควรมีส่วนร่วมในสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกอันน่าอัศจรรย์ใบนี้ ควรเป็นคนที่ได้รับการระลึกถึงอยู่เสมอ ควรใช้ชีวิตและทำทุกวันให้เต็มที่จนถึงวันสุดท้าย แม้ว่าบางครั้งจะยากลำบากก็ตาม แต่นั่นคือสิ่งที่ผมจะทำ"